1.สิ่งที่คุณทำอย่างแรกๆตอนตื่นนอนคือเปิดอุปกรณ์ดิจิตอล
"ถ้ามีสงคราม รัฐประหาร หรือประท้วงจะทำยังไง" เป็นเหตุผลที่บางคนให้ (ซึ่งก็จริง เคยมีประกาศเคอร์ฟิวแล้วมีนักศึกษาแพทย์ไม่รู้ยังมารพ.)
คือบางคนไปทำงานสายไม่ได้เพราะตื่นสาย แต่เพราะตื่นมาตอนเช้าแล้วเอาแต่นั่งอ่านดราม่าหรือข่าวที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ... จริงๆถ้าอยากทราบข่าวสารประจำวันจริงๆใช้เปิดวิทยุก็ได้ ถ้ามีสงครามหรือรัฐประหารวิทยุก็ออกข่าวแหละ ไม่ต้องไปอ่านในsocialหรือในinternetก็ได้
2. ระหว่างนั่งส้วม คุณต้องเปิดอุปกรณ์สื่อสารใช้ไปด้วย
คนไม่น้อยจะทำการ Toilet Surfing โดยปลอบใจตัวเองว่าตอนที่นั่งถ่ายมันใช้เวลา เรากำลังใช้เวลาไม่ให้เสียเปล่า โดยที่จริงๆแล้วกลับกลายเป็นทำให้การขับถ่ายครั้งนั้นยาวนานกว่าที่จำเป็น
ทางแก้หนึ่งที่ทำได้คือการพกหนังสือหรือของที่ไม่สามารถต่อinternetได้เข้าไปอ่านแทน หรือไม่ก็ไม่อ่านอะไรเลยทนๆเอา
3. เปิดอ่าน Email ทุกครั้ง เมื่อเห็น Notification ว่ามีเมล์ที่ไม่ได้อ่าน
การเปิดเมล์บ่อยๆจะทำให้สมาธิของเราเสียไปทุกครั้งที่เราไปกดเปิด บางคนถึงกับมีแนวคิด Inbox Zero คือเห็นว่าเมื่อมีการเตือนว่ามีเมล์ที่ไม่ได้อ่านก็ต้องกดเข้าไปเปิดอย่างอดใจไม่ได้ ดังนั้นควรจำกัดการกดเปิดให้เป็นเวลาตามความจำเป็นของการใช้งานเพื่อไม่ให้เสียสมาธิการทำงานอื่นๆ
หรือหากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานที่จำเป็นต้องส่งหรือเปิดอ่านเมล์ทันที ควรแยกเมล์งานและเมล์ไม่เกี่ยวกับงาน จะได้เสียสมาธิเฉพาะกับสิ่งที่จำเป็น
4. คุณกด notification บ่อยๆ ทุกครั้งที่มันขึ้นหน้าจอ
อะไรไม่จำเป็นปิดซะให้หมด
5. คุณรู้สึกว่าโทรศัพท์ดังหรือสั่น แต่หยิบมาดูแล้วไม่มีอะไร
อาการสั่นหลอนเสียงหลอนจากอุปกรณ์สื่อสาร จะเกิดกับคนที่มีความเครียดหรือใช้งานอุปกรณ์บ่อยๆ พอมีอะไรที่เข้ามากระตุ้นนิดนึงจะหวาดระแวงว่ามีการสั่นหรือสายเข้า
6. คุณเล่นมือถือในรถ ขณะเป็นคนขับ
มันไม่ควรทำอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะพิมพ์ช้า ตอบช้า อ่านไม่ได้ใจความ ยังเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก
7. คุณส่องaccountของแฟนเก่า เพื่อนเก่า หรือคนที่เคยแอบชอบ
เมื่อใช้อุปกรณ์สื่อสารไปถึงจุดนึง connect social อ่านของที่อยากอ่าน พอทำเสร็จหมดไม่มีอะไรทำ บางคนเลิกใช้อุปกรณ์ไม่ได้ ก็จะนึกสิ่งที่จะทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลสื่อสารนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการค้นหาหรือเข้าไปดูไปหาว่าสิ่งหรือคนที่ตนรู้จักในอดีต ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว
8. คุณเล่นinternetไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย
หรือที่เรียกว่า internet surfing ซึ่งเป็นการท่องโลกอินเตอร์เนทไปแบบไร้จุดหมาย ซึ่งในยุคหนึ่งที่ข้อมูลข่าวสารยังไม่เปิดกว้าง การทำแบบนี้จะทำให้เรามีความรู้รอบตัวมากขึ้น แต่ในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุค information overload การทำแบบนี้มีประโยชน์น้อยลงและเป็นตัวบอกว่าคุณอาจจะแค่อยากใช้อุปกรณ์สื่อสารฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
คนไม่น้อยจะทำการ Toilet Surfing โดยปลอบใจตัวเองว่าตอนที่นั่งถ่ายมันใช้เวลา เรากำลังใช้เวลาไม่ให้เสียเปล่า โดยที่จริงๆแล้วกลับกลายเป็นทำให้การขับถ่ายครั้งนั้นยาวนานกว่าที่จำเป็น
ทางแก้หนึ่งที่ทำได้คือการพกหนังสือหรือของที่ไม่สามารถต่อinternetได้เข้าไปอ่านแทน หรือไม่ก็ไม่อ่านอะไรเลยทนๆเอา
3. เปิดอ่าน Email ทุกครั้ง เมื่อเห็น Notification ว่ามีเมล์ที่ไม่ได้อ่าน
การเปิดเมล์บ่อยๆจะทำให้สมาธิของเราเสียไปทุกครั้งที่เราไปกดเปิด บางคนถึงกับมีแนวคิด Inbox Zero คือเห็นว่าเมื่อมีการเตือนว่ามีเมล์ที่ไม่ได้อ่านก็ต้องกดเข้าไปเปิดอย่างอดใจไม่ได้ ดังนั้นควรจำกัดการกดเปิดให้เป็นเวลาตามความจำเป็นของการใช้งานเพื่อไม่ให้เสียสมาธิการทำงานอื่นๆ
หรือหากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานที่จำเป็นต้องส่งหรือเปิดอ่านเมล์ทันที ควรแยกเมล์งานและเมล์ไม่เกี่ยวกับงาน จะได้เสียสมาธิเฉพาะกับสิ่งที่จำเป็น
4. คุณกด notification บ่อยๆ ทุกครั้งที่มันขึ้นหน้าจอ
อะไรไม่จำเป็นปิดซะให้หมด
5. คุณรู้สึกว่าโทรศัพท์ดังหรือสั่น แต่หยิบมาดูแล้วไม่มีอะไร
อาการสั่นหลอนเสียงหลอนจากอุปกรณ์สื่อสาร จะเกิดกับคนที่มีความเครียดหรือใช้งานอุปกรณ์บ่อยๆ พอมีอะไรที่เข้ามากระตุ้นนิดนึงจะหวาดระแวงว่ามีการสั่นหรือสายเข้า
6. คุณเล่นมือถือในรถ ขณะเป็นคนขับ
มันไม่ควรทำอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะพิมพ์ช้า ตอบช้า อ่านไม่ได้ใจความ ยังเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก
7. คุณส่องaccountของแฟนเก่า เพื่อนเก่า หรือคนที่เคยแอบชอบ
เมื่อใช้อุปกรณ์สื่อสารไปถึงจุดนึง connect social อ่านของที่อยากอ่าน พอทำเสร็จหมดไม่มีอะไรทำ บางคนเลิกใช้อุปกรณ์ไม่ได้ ก็จะนึกสิ่งที่จะทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลสื่อสารนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการค้นหาหรือเข้าไปดูไปหาว่าสิ่งหรือคนที่ตนรู้จักในอดีต ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว
8. คุณเล่นinternetไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย
หรือที่เรียกว่า internet surfing ซึ่งเป็นการท่องโลกอินเตอร์เนทไปแบบไร้จุดหมาย ซึ่งในยุคหนึ่งที่ข้อมูลข่าวสารยังไม่เปิดกว้าง การทำแบบนี้จะทำให้เรามีความรู้รอบตัวมากขึ้น แต่ในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุค information overload การทำแบบนี้มีประโยชน์น้อยลงและเป็นตัวบอกว่าคุณอาจจะแค่อยากใช้อุปกรณ์สื่อสารฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น