การใช้ LINE ในการส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์การพยาบาลในโรงพยาบาล version พฤษจิกายน 2557
เป็นรูปแบบ PDF ยาว 4 หน้า ( กดเพื่อดาวน์โหลด ; 98kb )
https://drive.google.com/file/d/0B4QBvrtIgG7hVHEyaWhFVXk5UXc/view?usp=sharing
โพสท์ครั้งแรกในfacebookเพจ ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว
วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
การควบคุมกลิ่นในแผลผู้ป่วยมะเร็ง
มะเร็งหลายชนิดที่มีส่วนของ แผลที่กว้างและเรื้อรังจะมี ปัญหาเรื่องของกลิ่นเหม็นซึ ่งรบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่ วย ในกระบวนการรักษามะเร็งโดยเ ฉพาะการรักษาในช่วงสุดท้าย การควบคุมกลิ่นคือสิ่งที่สำ คัญมากต่อผู้ป่วยและครอบครั ว
เนื่องจากตอนเรียนไม่มีการพ ูดถึงเรื่องนี้มากนัก และจำได้ว่าตอนเรียน แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่ก็ยังมีเผลอทำบาปไปบ้างด ้วยการแสดงสีหน้าว่ามีกลิ่น เลยมานั่งอ่านๆดูทั้งของไทย และต่างประเทศ เผื่อใครสนใจจะได้ลองไปหาข้ อมูลเพิ่มเติมเพื่อการดูแลค นไข้ได้
ผมขอลงแค่เป็นหัวข้อสั้นๆนะ ครับ แต่ทุกข้อสำคัญหมดและควรทำ
1.ควบคุมบรรยากาศในห้องที่อ ยู่
- จัดการการระบายอากาศให้ดี
- หาก้อนถ่านหรือเบกกิ้งโซดาม าวางตามมุมห้องดูดกลิ่น
- ใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดที่ม ีตัวฟอกอากาศCharcoal
- ใช้น้ำยาดับกลิ่น *** เน้นว่าดับกลิ่นนะครับ ในท้องตลาดมีสองชนิด แบบน้ำหอม และแบบดับกลิ่น เป็นคนละแบบกัน แบบน้ำหอมเราจะยังได้กลิ่นเ หม็นอยู่ แต่แบบดับกลิ่น กลิ่นจะหายไปเลย
- ใช้สมุนไพรดับกลิ่น ได้แก่ ไพล / ขมิ้นชัน / ขมิ้นอ้อย / และถ้าไม่มีปัญหาทางเดินหายใจ ให้ใช้การบูร (การบูรระวังในกรณีมีคนในบ้ านเป็นโรคทางเดินหายใจ เพราะอาจระคายเคืองทางเดินห ายใจได้) นำมาโขลกรวมกันต้มให้มีไอแล ้วเอาไปตั้งไว้ หรือห่อผ้านำไปนึ่งจากนั้นน ำมาตั้งไว้ในห้อง
2. ควบคุมการติดเชื้อที่แผล
- ล้างทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าท ี่แผลเป็นระยะ
- ตัดเนื้อตายออกเรื่อยๆ
- ถ้ามีหนองมาก ใช้ตัวทำแผลชนิดที่ดูดซับน้ ำเหลืองน้ำหนองดีๆ
- ใช้ Metronidazole ในการทำความสะอาดแผล / หรือใช้ในDressing / หรือถ้าหาซื้อเจลได้ก็ใช้แบบเ จล
- ใช้Dressing แบบ Silvernano
- ในกรณีมะเร็งในช่องปากและลำ คอ ใช้Metronidazoleเม็ด บดละลายน้ำจากนั้นอมกลั้มปา กและคอ ถ้าแพ้Metronidazoleให้ใช้ก ลุ่ม Tetracycline
- ในกรณีใช้สมุนไพร(แนะนำให้ไ ปถามคนที่มีความรู้จริง) ก็ใช้ไพล / ขมิ้นชัน / ขมิ้นอ้อย / น้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว ทาแผล อย่าลืมความสะอาด
- น้ำผึ้งทาแผล (เลือกน้ำผึ้งแท้)
3. การควบคุมกลิ่นที่แผล
- ใช้ Charcoal Dressing แปะทับ
- เมื่อทำแผลเสร็จ ชั้นบนสุดใช้ผ้าห่อ Baking soda ทับไว้อีกชั้นเพื่อดูดกลิ่น
- สมุนไพร ตัวเดิม ไพล / ขมิ้นชัน / ขมิ้นอ้อย โขลก แปะทับบนสุดของผ้าก็อซ หรือ การบูรผง(น้อยๆ)/ขมิ้นผง ในกรณีที่ไม่สะดวกโขลกเอง
สำหรับผู้ที่สนใจ เมื่ออ่านจากหัวข้อแล้ว ก็สามารถลองไปหาวิธีแบบละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ มีให้อ่านทั่วไป
เนื่องจากตอนเรียนไม่มีการพ
ผมขอลงแค่เป็นหัวข้อสั้นๆนะ
1.ควบคุมบรรยากาศในห้องที่อ
- จัดการการระบายอากาศให้ดี
- หาก้อนถ่านหรือเบกกิ้งโซดาม
- ใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดที่ม
- ใช้น้ำยาดับกลิ่น *** เน้นว่าดับกลิ่นนะครับ ในท้องตลาดมีสองชนิด แบบน้ำหอม และแบบดับกลิ่น เป็นคนละแบบกัน แบบน้ำหอมเราจะยังได้กลิ่นเ
- ใช้สมุนไพรดับกลิ่น ได้แก่ ไพล / ขมิ้นชัน / ขมิ้นอ้อย /
2. ควบคุมการติดเชื้อที่แผล
- ล้างทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าท
- ตัดเนื้อตายออกเรื่อยๆ
- ถ้ามีหนองมาก ใช้ตัวทำแผลชนิดที่ดูดซับน้
- ใช้ Metronidazole ในการทำความสะอาดแผล / หรือใช้ในDressing /
- ใช้Dressing แบบ Silvernano
- ในกรณีมะเร็งในช่องปากและลำ
- ในกรณีใช้สมุนไพร(แนะนำให้ไ
- น้ำผึ้งทาแผล (เลือกน้ำผึ้งแท้)
3. การควบคุมกลิ่นที่แผล
- ใช้ Charcoal Dressing แปะทับ
- เมื่อทำแผลเสร็จ ชั้นบนสุดใช้ผ้าห่อ Baking soda ทับไว้อีกชั้นเพื่อดูดกลิ่น
- สมุนไพร ตัวเดิม ไพล / ขมิ้นชัน / ขมิ้นอ้อย โขลก แปะทับบนสุดของผ้าก็อซ หรือ การบูรผง(น้อยๆ)/ขมิ้นผง ในกรณีที่ไม่สะดวกโขลกเอง
สำหรับผู้ที่สนใจ เมื่ออ่านจากหัวข้อแล้ว ก็สามารถลองไปหาวิธีแบบละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ มีให้อ่านทั่วไป
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
การแนะนำเรื่องใบหน้าและความงาม บางครั้งก็ต้องระวังก่อนทำตาม
การแนะนำเรื่องใบหน้าและควา มงาม #HowToPerfect บางครั้งก็ต้องระวัง
อย่างกรณีข้างบนนี้คือคำแนะนำที่ไ
ถ้าหากถามว่ามันจะอันตรายยั
สรุป เพราะเขาไม่ได้เป็นผื่นแพ้ แต่เป็นกลาก ขูดมาเชื้อราเต็มหน้า
1. บางคนแย้งว่าก็ให้ทาในหน้าที่ไม่ใช่เชื้อราสิ ... คือการวินิจฉัย บางครั้งมันไม่ได้ง่ายๆนะครับ จะใช้ยาพวกนี้ต้องวินิจฉัยใ
2. ยาBetnovate N คือสเตียรอยด์ผสมยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
3. Neomycin เป็นยาฆ่าเชื้อ และที่สำคัญพบการแพ้ยาได้ ทาหน้าแล้วแพ้โดยไม่มีเหตุใ
4. ถ้าบอกว่าใครใช้ก็อ่านสิว่า
ถ้าไปซื้อเองจะรู้ไหม
ตอนนี้คนน่าจะแชร์ไป400-500
ไม่รู้จะมีคนเข้าใจผิดและเส
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558
เตือน สูตรเซี่ยงจี๊ + เมล็ดลิ้นจี่ + น้ำซาวข้าว อันตรายกับคนไข้ไตวาย
เตือน สูตรเซี่ยงจี๊ + เมล็ดลิ้นจี่ + น้ำซาวข้าว อันตรายกับคนไข้ไตวาย
ผมได้เห็นฟอร์เวิร์ดเมล์ตำร
จนหลังๆมีคนเอามาฟอร์เวิร์ด
ล่าสุดมาปรี๊ดแตก ตรงที่คนที่ส่งต่อบอกว่าได้
จะบอกว่าสูตรนี่มีความเสี่ย
ถึงตายได้
เหตุผล
คนที่ฟอกไตแบบต่อเนื่อง แปลว่าค่าการทำงานของไตลดต่
คนเป็นโรคไต จะมีปัญหาเรื่อง ฟอสเฟตคั่ง - โปแตสเซี่ยมคั่ง - น้ำเกิน
โปแตสเซี่ยมคั่ง - หัวใจเต้นผิดจังหวะตายได้
น้ำเกิน - น้ำท่วมปอด หัวใจวายได้
เมล็ดลิ้นจี่ จัดอยู่ในกลุ่มยาจีนที่ช่วย
ฤทธิ์ทางยาที่พอมีของมัน คือขับปัสสาวะอย่างอ่อน บ้างก็ว่าเป็นยาแก้ปวดได้
ไตหมู เซ่งจี้ แต่ละข้างหนักประมาณ 200กรัม มีโปแทสเซี่ยม 500มิลลิกรัม โซเดียม 300มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 500มิลลิกรัม
ถ้ากินตามสูตรที่ว่านี้ ต้องกินน้ำซาวข้าวจำนวน 2 ชาม (ราวๆ1ลิตร) กับน้ำที่ต้มเคี่ยวจากเม็ดล
คนที่ล้างไตฟอกไตอยู่ ปกติต้องระวังเรื่องการดื่ม
เกลือแร่ หากได้ไตหมูที่อุดมโปแทสเซี
ถ้าหากโชคดี กินแล้วไม่เกิดอาการ ไปฟอกไตตามนัด ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็ถึงตายได้ ไม่ว่าจะจากน้ำเกิน หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
*******************
แล้วสูตรที่ว่านี้มาจากไหน
สูตรที่ว่านี้ เมื่อก่อนผมเจอคนที่นำมาอ้า
มีทั้งบอกว่าเป็นสูตรยาจีน
สูตรยาไทย
สูตรยาจากนครปฐม
มีคนที่อ้างว่าใช้แล้วได้ผล
จากการตรวจสอบเท่าที่ทำได้ใ
ไม่มีคนที่เป็นคนไข้โรคไตแล
ไม่มีคนที่คนในครอบครัวเป็น
คนไข้จริงที่ผมเคยเห็นเคยเจ
ที่อยากลอง ... ลองแล้วหาย ไม่เคยเจอ
ที่ลองแล้ว และหยุดฟอกไตได้ ไม่เคยเจอ
แล้วสูตรมันมาจากไหน
สูตรที่ว่านี้มาจากฟอร์เวิร
เป็นเมล์ที่เริ่มแพร่ในไต้ห
จากนั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้
และต่อมามีคนเอาไปทำเป็นคลิ
เมื่ออ่านแล้วก็เลยพบว่า ... ตอนแรกเป็นเมล์จากไต้หวัน แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นภาษาไ
บางอันก็อ้างสูตรแบบตำราไทย
บางอันก็อ้างเรื่องประสบการ
แต่ไม่ว่าอันไหน ... เนื้อความถอดออกมาแล้วตรงกั
สรุปแล้วที่มา มาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ไต้หวัน
***********************
ปล.ใครมีประสบการณ์ตรง ไตวายถึงขั้นdialysisแล้ว ใช้สูตรนี้แล้วได้ผลจนหยุดฟ
ปอ. ไม่เอาผลเลือดดีขึ้นแต่ยังต
เจอคนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตสงสัยเส้นเลือดสมองแตก อย่ามัวเจาะนิ้วเจาะหู ถึงตายได้
เจอคนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตสงส ัยเส้นเลือดสมองแตก อย่ามัวเจาะนิ้วเจาะหู ถึงตายได้
ช่วงนี้มีการแชร์ข้อความตาม ภาพ ... ซึ่งเป็นเรื่องที่แชร์กันทุ กปี ปีละหลายรอบ
และก็ขอเตือนอีกรอบครั้งที่ เท่าไหร่ไม่รู้ว่า
************************** *************************
อย่าทำตาม อันตราย และบางรายอาจตายได้
************************** *************************
1. เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก แยกด้วยอาการเพียงอย่างเดีย วได้ยาก ถ้าเป็นน้อยๆมักแยกไม่ได้ แต่การรักษาแตกต่างกันมากชน ิดคนละขั้ว หากรักษาผิดก็แย่ได้
2. หากเป็นเส้นเลือดสมองแตก สิ่งที่ต้องทำคือรีบพาคนไข้ ไปโรงพยาบาล เพราะว่าหากเลือดออกมากขึ้น เรื่อยๆและไม่ได้รับการรักษ า อาจจะไปกดส่วนที่สำคัญของสม องจนหยุดหายใจและเสียชีวิตไ ด้
3. หากเป็นเส้นเลือดสมองตีบ มีหลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็น
3.1 ตีบชั่วคราว อาการผู้ป่วยจะเป็นอาการอัม พฤกษ์อัมพาต เป็นชั่วคราว เป็นราวๆ1ชั่วโมง จากนั้นก็จะ"หายเอง" "หายสนิท"เป็นปกติเหมือนไม่ มีอะไรเกิดขึ้น (ซึ่งถ้าไม่ไปหาหมอรับยา ก็มีโอกาสเป็นซ้ำและอาจจะเป ็นแบบตีบจริงๆไม่หาย)
3.2 ตีบน้อยๆ อาการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่หายสนิทใน1ชั่วโมง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆก็จะ ดีขึ้น (เช่นบางคนแขนขาอ่อนแรงขยับ ตัวไม่ได้เลย แต่ผ่านไป1วันลุกพอได้ขยับพ อได้ พอสัก1สัปดาห์กลับมาเดินได้ พอ 1 ปีหายเกือบปกติ)
3.3 ตีบมากๆ เป็นการตีบที่เส้นเลือดขนาด ใหญ่ กลุ่มนี้มักจะเป็นรุนแรง พอเป็นแล้วไม่ค่อยดีขึ้นเพร าะส่วนที่ตีบตันใหญ่มาก บางรายเกิดสมองบวมหรือเส้นเ ลือดในสมองแตกตามมา เวลาหายก็มักไม่หายสนิท ในกลุ่มที่ตีบมากๆนี้อาจจะไ ด้ประโยชน์จากการใช้ยาละลาย ลิ่มเลือด ซึ่งต้องพาไปโรงพยาบาล
ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าเวลาคนล้มลงไปเ ป็นอัมพาต เขาเป็นใน3.1 3.2 หรือ 3.3
ถ้าหากเขาเป็น3.3 ตีบมากๆ เราต้องพาไปรพ.ให้เร็วที่สุ ด เพราะหมอจะต้องตรวจ เอาไปเข้าเครื่องสแกนสมอง (ควรไปถึงภายใน30-60นาทีหลั งเกิดอาการ เพราะว่าจะสแกนสมองเสร็จกว่ าจะย้ายนั่นนี่ กว่าจะให้ยา ก็อีกเป็นชั่วโมง)
การจะแยกว่าเป็นชนิดไหน แตกหรือตีบ ต้องใช้เครื่องเอ็กซเรย์คอม พิวเตอร์สมอง
ตัวอย่างในเนื้อหาที่แชร์ คือคนไข้ในแบบ3.1 คือตีบชั่วคราว
คุณจะไปเจาะนิ้วเขา เขาก็หายเอง
คุณเต้นกัมนังสไตล์ต่อหน้า เขาก็หายเอง
คุณจะปล่อยยืนมองหน้าเฉยๆ เขาก็หายเอง
แต่ถ้าคนที่เป็นอัมพาตจากเส ้นเลือดสมองตีบหรือแตก คุณไปมัวเสียเวลาเจาะเลือดอ อกจากนี้ว จากนั้นพาไปโรงพยาบาลช้า
***คนไข้ตายได้***
ข้อความนี้เป็นฟอร์เวิร์ดเม ล์ ตั้งแต่สมัยที่ไม่มีFaceboo k เมื่อประมาณ 10-11 ปีก่อน อ้างข้อความจากอาจารย์ที่ทำ งานในไต้หวัน และก็โดนพิสูจน์ไปหลายครั้ง ว่าโกหกผิดหลักการแพทย์
ขอร้องเถอะครับ อย่าทำแบบนี้เลย
ผมเคยเห็นคนไข้ที่เสียเวลาอ ันมีค่าไปแบบนี้หลายคน
คนไข้ที่เส้นเลือดสมองแตก และหยุดหายใจก่อนมาถึงโรงพย าบาลไม่กี่นาที ... ไม่กี่นาที แต่ก็พอที่จะทำให้สมองแย่ และถ้ามาเร็วกว่านั้นสัก5-1 0นาที คนไข้ก็อาจจะรอด
คนไข้ที่เส้นเลือดสมองตีบ แต่ไม่ได้มารพ. รอจนกระทั่งช่วงเวลาอันมีค่ าที่เขาอาจจะกลับมาใช้ชีวิต อย่างปกติหมดไป ... ทำให้พอมาโรงพยาบาล หมอก็ให้ยาได้เพียงระดับหนึ ่ง จากคนที่อาจจะกลับมาเดินเหิ นได้ปกติ กลายเป็นต้องนอนอยู่กับเตีย งไปตลอดชีวิต
อย่าทำร้ายกันด้วยแชร์แบบนี ้เลยครับ
ช่วงนี้มีการแชร์ข้อความตาม
และก็ขอเตือนอีกรอบครั้งที่
**************************
อย่าทำตาม อันตราย และบางรายอาจตายได้
**************************
1. เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก แยกด้วยอาการเพียงอย่างเดีย
2. หากเป็นเส้นเลือดสมองแตก สิ่งที่ต้องทำคือรีบพาคนไข้
3. หากเป็นเส้นเลือดสมองตีบ มีหลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็น
3.1 ตีบชั่วคราว อาการผู้ป่วยจะเป็นอาการอัม
3.2 ตีบน้อยๆ อาการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่หายสนิทใน1ชั่วโมง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆก็จะ
3.3 ตีบมากๆ เป็นการตีบที่เส้นเลือดขนาด
ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าเวลาคนล้มลงไปเ
ถ้าหากเขาเป็น3.3 ตีบมากๆ เราต้องพาไปรพ.ให้เร็วที่สุ
การจะแยกว่าเป็นชนิดไหน แตกหรือตีบ ต้องใช้เครื่องเอ็กซเรย์คอม
ตัวอย่างในเนื้อหาที่แชร์ คือคนไข้ในแบบ3.1 คือตีบชั่วคราว
คุณจะไปเจาะนิ้วเขา เขาก็หายเอง
คุณเต้นกัมนังสไตล์ต่อหน้า เขาก็หายเอง
คุณจะปล่อยยืนมองหน้าเฉยๆ เขาก็หายเอง
แต่ถ้าคนที่เป็นอัมพาตจากเส
***คนไข้ตายได้***
ข้อความนี้เป็นฟอร์เวิร์ดเม
ขอร้องเถอะครับ อย่าทำแบบนี้เลย
ผมเคยเห็นคนไข้ที่เสียเวลาอ
คนไข้ที่เส้นเลือดสมองแตก และหยุดหายใจก่อนมาถึงโรงพย
คนไข้ที่เส้นเลือดสมองตีบ แต่ไม่ได้มารพ. รอจนกระทั่งช่วงเวลาอันมีค่
อย่าทำร้ายกันด้วยแชร์แบบนี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)